การเต้นหรือการเต้นรำ งานอดิเรกที่หลายคนเลือกทำในเวลาว่าง นอกจากจะช่วยทำให้ผู้เต้นรู้สึกสนุกสนาน ส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง และยังได้ใช้เวลาว่างเกิดประโยชน์แล้ว วันนี้ JOBTOPGUN จึงอยากจะแชร์ให้คุณทราบว่าดนตรี กีฬา และงานอดิเรกแต่ละประเภทจะช่วยฝึกฝนทักษะความสามารถเรื่องใดให้คุณบ้าง ทักษะเหล่านี้คุณควรมีโดยที่คุณอาจจะยังไม่รู้ตัว ซึ่งผลการวิเคราะห์นี้มาจากงานวิจัยของท็อปกันร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล โดยมีผู้ร่วมตอบแบบสอบถามถึงกว่า 20,000 คน มาดูกันว่าคนที่ชอบเต้นรำเป็นคนแบบไหน!
1. บุคลิกดี
ฝึกการวางท่าทางเเละร่างกายให้ดูสง่าเวลาเต้นบนเวที เพื่อให้คนดูสนใจในสิ่งที่เราเเสดง นอกจากนี้ยังทำให้ร่างกายเเข็งเเรง สุขภาพดี เป็นสิ่งที่เสริมบุคลิกภาพให้ดีขึ้นด้วย เนื่องจากการเต้นรำนั้นไม่ว่าจะเป็นแบบใด ก็ต้องมีท้วงท่าลีลาที่สง่างาม จะต้องหลังตรง ไหล่ผาย เชิดหน้าเล็กน้อย ดั้งนั้นเมื่อเราเต้นรำบ่อยๆ ก็จะทำให้เรามีบุคลิกที่ดีและสง่างามไปโดยปริยาย
2. ชอบเข้าสังคม
เพราะการเต้นรำต้องพบปะกับผู้คนไม่ว่าจะเต้นที่สถานบันเทิง เต้นในงานเลี้ยงสังสรรค์ หรือเต้นที่ไหน ก็ต้องทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น เต้นกับคนหลาย ๆ คน หรือกับเพื่อนของเรา หรือกับคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเลย ก็เป็นการปฏิสัมพันธ์ที่ดี ที่ไม่มีอะไรแอบแฝงเหมือนการฟังเพลงที่ไม่มีชนชั้นหรือลำดับกัน ไม่ต้องมีมาตรฐานใด
การเต้นรำต้องอาศัยการแสดงออก หากมีการฝึกฝนไปเรื่อยๆก็จะเกิดความเคยชิน ไม่รู้สึกเขินเวลาต้องอยู่ต่อหน้าคนอื่น หรือทำกิจกรรมต่อหน้าคนอื่น เนื่องจากความกล้าแสดงออกได้มาจากการฝึ กฝนและทำจนเคยชินในกิจกรรมเต้นรำ เพราะการเต้นรำต้องใช้ความคิด และความมั่นใจถึงจะสามารถคิดว่าจะทำท่าทางแบบไหนเพื่อแสดงออกมา แสดงว่าคนกลุ่มนี้ต้องชอบเข้าสังคมอย่างแน่นอน เพราะมีความพร้อม และความมั่นใจเต็มเปี่ยม
3. มีมนุษย์สัมพันธ์ดี
การเต้นรำ จะมีผู้ร่วมเต้นรำมากกว่า 2 คน ทำให้มีเพื่อนเพิ่มขึ้น สามารถพูดคุย ปฏิสัมพันธ์กับทุกคนได้อย่างดีเพราะการเต้นรำช่วยให้เราต้องใช้ความสัมพันธ์ในการทำกิจกรรมร่วมกัน
4. มีความยืดหยุ่นและปรับตัวเก่ง
ท่าเต้นมีหลากหลายสไตล์ หลากหลายแนวแตกต่างกันไป หากจะเต้นแนวอื่นก็ต้องมีการปรับลักษณะ แนวหรือสไตล์ไปตามรูปแบบนั้น ๆ การเต้นรำจะต้องเต้นประกอบกับเสียงเพลง ขณะที่เต้นอยู่หากเกิดความผิดพลาดขึ้น เพลงจะไม่หยุด และนักเต้นรำก็จะหยุดไม่ได้ จะต้องแก้ไขสถานการณ์ให้ได้อย่างสวยงาม และกลับเข้าสู่ท่วงท่าที่ได้ซ้อมเอาไว้
5. มีความคิดสร้างสรรค์
เพลงหนึ่งเพลงไม่จำเป็นต้องเล่นเหมือนเดิมทุกครั้ง เราสามารถปรับประยุกต์เพลงต่างๆ ให้ไพเราะมากขึ้นตามสไตล์ของเราได้ หรือแต่งเพลงใหม่ด้วยตัวเองได้การเต้นเราต้องรู้จักนำความรู้เดิมที่มีอยู่แล้วมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับความรู้ใหม่ และสิ่งแวดล้อมใหม่ เพราะการเต้นเราไม่จำเป็นต้องยึดติดกับหลักเดิมๆเก่าๆก็ได้การเต้นรำ ไม่มีกรอบของความคิด ท่าทาง การแสดงออก สามารถคิดงาน ท่าทาง ออกแบบท่าเต้นได้ไม่จำกัดยิ่งเต้น ยิ่งคิดท่าเต้นใหม่ ยิ่งพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เห็นสิ่งที่มีอยู่ ยิ่งนำมาประยุกต์ใหม่
6. มีความสามารถในการนาเสนอ
การเต้นรำ เป็นการแสดงท่วงท่าให้ออกมาดูดี ทำให้ผู้ชมรู้สึกสนุก ชื่นชมและตื่นตะลึงไปกับการแสดงการเต้นรำทำให้มีความมั่นใจ กล้าแสดงออกต่อหน้าสาธารณชนมากขึ้น ได้กำลังใจจากเสียงปรบมือ คนเข้ามาเต้นรำด้วยให้ดอกไม้เป็นกำลังใจให้อยากเต้นและฝึ กฝนต่อไป และได้การแนะนำจากเพื่อนๆและอาจารย์เห็นว่ามีแววทางด้านนี้ให้ไปเรียนเต้น ทำให้เต้นได้ดีขึ้น เต้นได้ทุกสไตล์ มีความมั่นใจในการนำเสนอมากขึ้น เต้นได้เหมือนศิลปินนักร้องมากขึ้นและได้แสดงจริงในคอร์สเรียนเต้นทำให้ไม่เขินอาย กล้าแสดงออก
7. กระตือรือร้น
การเต้นเป็นกีฬาที่ท้าทาย ต้องคิดสร้างสรร ค์ท่าเต้นที่เหมาะ เเละเข้ากับจังหวะเพลง จึงต้องขวนขวายตลอดทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองต้องกระตือรือร้นเสมอที่จะทำงานให้สำเร็จการเต้นรำทำให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่า ตื่นตัว สดชื่นสดใส อยู่ตลอด และทำให้เรารู้สึกกระฉับกระเฉงอยู่ตลอดเวลาด้วย
8. เป็นตัวของตัวเอง
การเต้นรำเป็นการปลดปล่อยตัวเองในรูปแบบของท่าทางอย่างอิสระเวลาที่ได้เต้นรำเหมือนเป็นการ
ปลดปล่อยอารมณ์ ความรู้สึกที่เรามีอยู่จริง ณ ขณะนั้น โดยไม่จำเป็นต้องแคร์ว่าคนอื่นจะมองเราอย่างไร เพราะว่าขณะที่เต้นรำ ฟลอร์ทั้งฟลอร์เป็นของเรา
9. มีพัฒนาการในตนเองสูง
คนที่เริ่มเต้นแรกๆ อาจจะเต้นรำเป็นแต่ยังไม่รู้พื้นฐานการเต้น เมื่อได้เรียนรู้พื้นฐานแล้ว จึงสามารถที่จะพัฒนารูปแบบการเต้น ท่าทางการเต้น การจับจังหวะของเพลง ทำให้ทุกอย่างเข้ากันและเกิดความน่าดูได้มากกว่าเดิม และเก่งขึ้นกว่าเดิม
การได้ขยับ และเคลื่อนไหวร่างกายตามจังหวะดนตรี เป็นการฝึ กฝนประสาทสัมผัสและสมาธิ และยังฝึ กให้เป็นคนคล่องแคล่วว่องไว ไม่เฉื่อยแฉะ ทำให้สมองและร่างกายมีประสิทธิภาพในการเต้นได้ดีขึ้น
10. ติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นได้ดี
การเต้นรำเป็นการฝึกฝนในเรื่องการสื่อสาร เพราะการเต้นรำ เช่น ลีลาศเป็นการเต้นของคนสองคน
เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่รู้จักการสื่อสาร การเคลื่อนไหวก็จะไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้เรารู้จักที่จะเข้าใจ และศึกษาการสื่อสารของผู้อื่นว่าการรับและส่งอารมณ์ ด้วยบุคลิคท่าทางต่างๆมีความหมายว่าอย่างไร
+ มีอัธยาศัยดี
การเต้นรำทำให้อารมณ์ดี และส่งผลให้เราเป็นคนอารมณ์ดี เมื่อต้องพบปะกับผู้อื่นก็จะทำให้มีบรรยากาศที่ดีได้
+ อดทน
การเต้นรำให้เข้ากับจังหวะเพลงต้องหมั่นฝึกฝนอย่างหนัก และต้องสามารถจดจำจังหวะเพลงได้ หากขาดความอดทน ก็ไม่ประสบความสำเร็จในท่าเต้นรำนั้น ๆ
+ เรียนรู้เร็ว
การเคลื่อนไหวตามจังหวะดนตรีน่าจะมีส่วนช่วยพัฒนาการเรียนรู้ นำเอาการเคลื่อนไหวร่างกายให้
สอดคล้องกับจังหวะของดนตรี มาปรับใช้กับการจดจำ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้ดีกว่าเดิม รวมถึงการออกกำลังกาย น่าจะมีส่วนช่วยพัฒนาสมอง ให้สามารถเรียนรู้เรื่องต่างๆได้ดียิ่งขึ้น
เนื่องจากการเต้นรำนั้นต้องใช้ประสาทสัมผัสเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น หู (เพื่อจับจังหวะเพลงในการเต้นรำ) ตา(เพื่อมองดูเพื่อนที่เต้นใกล้เคียงกัน จะได้ระวังไม่ให้เต้นไปโดนคนอื่น) สมอง (ใช้สั่งการร่างกายให้แสดงท่าทางให้ตรงจังหวะ) จึงทำให้สมองมีการทำงานอยู่เสมอมีการเรียนรู้อยู่สมอ ทำให้สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
หากคุณเป็นคนชอบเต้นรำอยู่แล้ว สามารถเข้าไปอัพเดตดนตรี กีฬา งานอดิเรก (Competency) ผ่าน Super Resume ของคุณได้เลย ที่นี่ เพื่อให้คุณรู้จักตัวตนของคุณมากขึ้นผ่านงานอดิเรกที่คุณทำ หรือหากคุณยังไม่มีเรซูเม่ ลงทะเบียนสมัครสมาชิกฟรีพร้อมทำเรซูเม่ได้ง่ายๆ ที่ www.superresume.com